บ้านป้อมดิน และบ้านมังกรโอบ
เป็นบ้านโบราณในเชิงสถาปัตยกรรม
ที่ยังหลงเหลืออยู่เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่ยิ่งใหญ่ของคนฮากกา บ้านทั้งสองแบบมีเรื่องมากมายที่พูดถึง ทั้งมิติประวัติศาสตร์, สงคราม,
การอพยพที่เป็นตำนาน 5 ครั้งของคนฮากกา บ้านป้อมดิน
บ้านมังกรโอบ
สะท้อนภูมิปัญญาการเลือกทำเลที่อยู่อาศัยในเชิงศาสตร์ศิลป์
ระบบฮวงจุ้ยที่อัศจรรย์
เหตุใด...บ้านป้อมดิน
จึงมากระจุกอยู่กลางซอกเทือกเขาสูง ที่เมืองหย่งติ้ง และหนานชิง
นับหลายหมื่นแห่ง...ยังเป็นปริศนาที่ท้าทายต่อการค้นหาคำตอบ...
จากรูปลักษณ์ของเสาหิน
(ภาพตามปกหนังสือ) เป็นการก่อสร้างแบบหยาบง่าย แต่...ไม่ใช่สิ่งปลูกสร้าง
ที่ใครมีเงินก็สร้างได้
เสาหินนี้สร้างเพื่อเป็นเกียรติแก่คนฮากกาที่สอบได้ตามระบบเคอจวี่ (科舉 ) ระดับจิ้งซื่อ (進士) ครอบครัวและคนในหมู่บ้านจะสร้างเสานี้ให้
เพื่อจารึกชื่อของบุคคล และปีที่สอบได้
พร้อมทั้งประวัติครอบครัว
เพื่อประกาศเกียรติคุณ
อีกทั้งกระตุ้นให้เยาวชนให้ท้องถิ่นยึดถือ
เพื่อเป็นแบบอย่างการเรียนด้านบนเสาหินเป็นปลายแหลม มี 2 แบบ คือ สอบได้ฝ่ายวิชาการ (บุ๋น 文) รูปเป็นทรงพู่กัน ฝ่ายทหาร (บู้ 武) รูปเป็นสิงห์โตท่านั่ง ครอบครัวหรือหมู่บ้านใดที่มีเสาหินนี้หลายแท่ง ย่อมเป็นสิ่งประกาศชื่อเสียงของท้องถิ่น เป็นเกียรติยศร่ำลือสืบไปชั่วลูกชั่วหลาน
การสอบระบบเคอจวี่ เป็นกระบวนการคัดเลือกบุคคลทั่วไปทุกชนชั้นที่มีความรู้ความสามารถ เข้าเป็นข้าราชการ ขุนนาง ระดับต่างๆ ของจีน เริ่มมีตั้งแต่สมัยราชวงศ์สุย ถัง เมื่อ 1400 ปีที่ผ่านมา มีระยะการสอบคัดเลือก 3 ปีต่อครั้ง ถ้าสอบระดับจังหวัดได้ เรียกว่า ซิ่วไฉ (秀才 ) ระดับมณฑล เรียกว่า จวี่เหริน (舉人) ระดับสูงสุดสอบที่เมืองหลวง หรือเมืองเอกของภูมิภาค เรียกว่า จิ้งซื่อ (進士)
การสอบระดับจิ้งซื่อ เป็นการสอบรวมทั้งประเทศ มีจิ้งซื่อได้จำนวนหลายคน โดยองค์จักรพรรดิ์จะทรงคัดเลือกเองเป็นพิเศษอีก 3
ตำแหน่ง คือ อันดับที่
1 จอหงวน (狀元) อันดับที่ 2
เรียก ปั่งหยวน (榜眼) อันดับที่ 3 เรียกก
ทั่นฮวา (探花 )
ระบบเคอจวี่ดำเนินต่อเนื่องมายาวนาน
เป็นช่องทางให้สามัญชนที่มีความรู้ไต่เต้าสู่ตำแหน่งขุนนางสูงศักดิ์ได้ ระบบนี้ได้ล้มเลิกไปเมื่อปี 1905 ปลายราชวงศ์ชิง
เสาหินบัณฑิต เป็นสิ่งสะท้อนวิถีชีวิตชุมชนฮากกา ที่ยึดมั่นค่านิยมใฝ่เรียนเป็นเป้าหมาย แต่ใน
ขณะเดียวกัน ก็เป็นเครื่องยืนยันถึงศักยภาพระดับด้วยเศรษฐกิจของสังคมฮากกาเช่นกัน
การมุ่งมั่นต่อการเรียนอย่าเอาจริงเอาจังเพียง “สิ่งเดียว”
ที่ฝังลงรากลึกในแนวคิดของคนฮากกานานนับพันปี ทำให้โครงสร้างทุกกลไกของสังคมฮากกา ล้วนขับเคลื่อนให้ลูกหลานไปสู่การเรียน
จนมองข้ามโครงสร้างการผลิตด้านอื่นในเชิงเศรษฐศาสตร์ และละเลยต่อการฝึกให้เยาวชนฮากกามีทักษะในการประกอบอาชีพด้านอื่น
เสาหินบัณฑิต...จึงเป็นคำตอบ...
เหตุใด ปูมประวัติชาติพันธุ์ฮากกา
จึงอุดมมากมายด้วยจำนวนบุคคลากรที่เป็นนักวิชาการ นักเขียน
นักกวี ศิลปิน นักการทหาร
และนักการเมือง
แต่...ขาดแคลน
อภิอัครเศรษฐี...เหมือนจีนเชื้อสายอื่น

