เสาบัณฑิตฮากกา 石旗桿


          

      บ้านป้อมดิน และบ้านมังกรโอบ  เป็นบ้านโบราณในเชิงสถาปัตยกรรม  ที่ยังหลงเหลืออยู่เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่ยิ่งใหญ่ของคนฮากกา  บ้านทั้งสองแบบมีเรื่องมากมายที่พูดถึง  ทั้งมิติประวัติศาสตร์, สงคราม, การอพยพที่เป็นตำนาน  5  ครั้งของคนฮากกา  บ้านป้อมดิน  บ้านมังกรโอบ  สะท้อนภูมิปัญญาการเลือกทำเลที่อยู่อาศัยในเชิงศาสตร์ศิลป์ ระบบฮวงจุ้ยที่อัศจรรย์   เหตุใด...บ้านป้อมดิน  จึงมากระจุกอยู่กลางซอกเทือกเขาสูง ที่เมืองหย่งติ้ง และหนานชิง  นับหลายหมื่นแห่ง...ยังเป็นปริศนาที่ท้าทายต่อการค้นหาคำตอบ...
            ท่ามกลางความอลังการของบ้านป้อมดิน  และบ้านมังกรโอบ มีสิ่งปลูกสร้าง  “เล็กๆ”  ตั้งอยู่อย่าง  “เงียบๆ”  ไม่เป็นที่สนใจของผู้คนนัก  มีชื่อ  “เซ่อฉีกั้น”   (石旗桿 )  ทางศูนย์ฮากกาศึกษา–กรุงเทพ  เคยนำขึ้นเป็นรูปปกหนังสือ  “คนฮากกา”  เมื่อปี  2549  และ   “ไหง่  เฮ้...ฮากกาหงิ่น”  เมื่อปี  2554  ใช้ภาษาไทยตามชื่อ และความหมายภาษาจีนว่า  “เสาธงศิลา”  ต่อมา  อ.สิริเพ็ญ  อึ้งสิทธิพูนพร   ดาวรุ่งฮากกาจากมหาวิทยาลัยมหิดล  เขียนลงในบทความใช้ชื่อว่า  เสาจอหงวน/เสาบัณฑิต ศูนย์ฮากกาศึกษา-กรุงเทพ  เห็นว่า  สื่อความหมายได้ดี     จึงยืมมาใช้   และเพิ่มคำฮากกาเข้าไปเป็น “เสาบัณฑิตฮากกา”
            จากรูปลักษณ์ของเสาหิน 
(ภาพตามปกหนังสือ)  เป็นการก่อสร้างแบบหยาบง่าย  แต่...ไม่ใช่สิ่งปลูกสร้าง ที่ใครมีเงินก็สร้างได้  เสาหินนี้สร้างเพื่อเป็นเกียรติแก่คนฮากกาที่สอบได้ตามระบบเคอจวี่  (科舉 ) ระดับจิ้งซื่อ  (進士)  ครอบครัวและคนในหมู่บ้านจะสร้างเสานี้ให้  เพื่อจารึกชื่อของบุคคล และปีที่สอบได้  พร้อมทั้งประวัติครอบครัว  เพื่อประกาศเกียรติคุณ  อีกทั้งกระตุ้นให้เยาวชนให้ท้องถิ่นยึดถือ  เพื่อเป็นแบบอย่างการเรียน
            ด้านบนเสาหินเป็นปลายแหลม  มี 2 แบบ  คือ สอบได้ฝ่ายวิชาการ  (บุ๋น )  รูปเป็นทรงพู่กัน  ฝ่ายทหาร   (บู้  รูปเป็นสิงห์โตท่านั่ง  ครอบครัวหรือหมู่บ้านใดที่มีเสาหินนี้หลายแท่ง  ย่อมเป็นสิ่งประกาศชื่อเสียงของท้องถิ่น เป็นเกียรติยศร่ำลือสืบไปชั่วลูกชั่วหลาน

              การสอบระบบเคอจวี่  เป็นกระบวนการคัดเลือกบุคคลทั่วไปทุกชนชั้นที่มีความรู้ความสามารถ  เข้าเป็นข้าราชการ  ขุนนาง ระดับต่างๆ ของจีน  เริ่มมีตั้งแต่สมัยราชวงศ์สุย  ถัง  เมื่อ 1400  ปีที่ผ่านมา  มีระยะการสอบคัดเลือก  3  ปีต่อครั้ง   ถ้าสอบระดับจังหวัดได้  เรียกว่า ซิ่วไฉ  (秀才 )  ระดับมณฑล  เรียกว่า จวี่เหริน (舉人)  ระดับสูงสุดสอบที่เมืองหลวง   หรือเมืองเอกของภูมิภาค  เรียกว่า  จิ้งซื่อ   (進士

            การสอบระดับจิ้งซื่อ   เป็นการสอบรวมทั้งประเทศ  มีจิ้งซื่อได้จำนวนหลายคน  โดยองค์จักรพรรดิ์จะทรงคัดเลือกเองเป็นพิเศษอีก  3  ตำแหน่ง  คือ  อันดับที่  1   จอหงวน  (狀元)  อันดับที่  2  เรียก  ปั่งหยวน   (榜眼อันดับที่  3   เรียกก  ทั่นฮวา (探花 )
            ระบบเคอจวี่ดำเนินต่อเนื่องมายาวนาน  เป็นช่องทางให้สามัญชนที่มีความรู้ไต่เต้าสู่ตำแหน่งขุนนางสูงศักดิ์ได้  ระบบนี้ได้ล้มเลิกไปเมื่อปี 1905  ปลายราชวงศ์ชิง

            เสาหินบัณฑิต   เป็นสิ่งสะท้อนวิถีชีวิตชุมชนฮากกา  ที่ยึดมั่นค่านิยมใฝ่เรียนเป็นเป้าหมาย  แต่ใน
ขณะเดียวกัน  ก็เป็นเครื่องยืนยันถึงศักยภาพระดับด้วยเศรษฐกิจของสังคมฮากกาเช่นกัน
            การมุ่งมั่นต่อการเรียนอย่าเอาจริงเอาจังเพียง  “สิ่งเดียว”  ที่ฝังลงรากลึกในแนวคิดของคนฮากกานานนับพันปี   ทำให้โครงสร้างทุกกลไกของสังคมฮากกา  ล้วนขับเคลื่อนให้ลูกหลานไปสู่การเรียน  จนมองข้ามโครงสร้างการผลิตด้านอื่นในเชิงเศรษฐศาสตร์  และละเลยต่อการฝึกให้เยาวชนฮากกามีทักษะในการประกอบอาชีพด้านอื่น

            เสาหินบัณฑิต...จึงเป็นคำตอบ...

            เหตุใด  ปูมประวัติชาติพันธุ์ฮากกา  จึงอุดมมากมายด้วยจำนวนบุคคลากรที่เป็นนักวิชาการ  นักเขียน    นักกวี   ศิลปิน  นักการทหาร  และนักการเมือง

            แต่...ขาดแคลน  อภิอัครเศรษฐี...เหมือนจีนเชื้อสายอื่น